วันพุธที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Class : ลักษณ์ย่อย อจ.ธนา 21 มีค 2558

- ความเป็นลักษณ์/ลักษณ์ย่อยที่เป็นกิเลสอาจจะจำกัดเรา แต่ไม่ใช่ให้เราพยายามไปลด/เลิกทำ สิ่งที่ให้ทำคือทำแบบ "ธรรมชาติ" ไม่มีความกังวล ไม่เกินพอดี ให้เหลือแค่ความเป็นลักษณ์/ลักษณ์ย่อย ที่เป็น style แบบธรรมชาติ เป็นเรื่องดี
- อย่าพยายามจะเปลี่ยนเพราะมีแม่พิมพ์อีกอันที่ดีกว่า แล้วเราอยากจะเปลี่ยนไปเป็นแบบนั้น เปลี่ยนแบบที่ยอมรับตัวเองได้ แบบที่ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ต้องฝืนจนเกินธรรมชาติ
- กิเลสเป็นเรื่องของพลังงาน ความสมดุลย์ของลักษณ์ย่อยไม่ได้แปลว่าต้องเท่ากันเป๊ะ แต่คือความไม่เอียงกระเท่เร่ ไม่ถึงกับทำบางอย่างไม่ได้
- ลองถามตัวเองในบางสิ่งที่เรากลัวทำผิด กลัวบางอย่าง ว่าถ้ามันผิดแล้วจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าสิ่งที่เรากลัวมันเกิดขึ้นจริงแล้วเราจะเป็นยังไง

ทวนลักษณ์ย่อยผดุงตน
- การผดุงตนมักเกิดตั้งแต่เล็กๆ เป็นทางออกในการเอาตัวรอดโดยใช้เมล็ดพันธ์ (ซึ่งไม่ใช่กิเลส) ของความเป็นลักษณ์ที่มีในตัวเอง ซึ่งเราใช่ติดมาจนโตกลายเป็นกิเลส
- 9: เด็กที่ขัดแย้งในใจว่าจะตามคนอื่นหรือตัวเองดี ความสุขคือการไปหาขนมกิน สะสมของเล่น และอะไรง่ายๆที่ทำให้รู้สึกดี
- 8: เมล็ดพันธ์ของความเป็นนักสู้ทำให้ใช้พลังในตัวเองในการอยู่รอดแบบปลอดภัย/มั่นคง
- 1: (จีนอพยพ/นักบุกเบิก) ความกังวลใจเกิดจากความอยากเป็นเด็กดีในสายตาพ่อ/แม่/ครู
- 3: (company man) เกิดจากการที่เป็นคนเก่ง/สำเร็จแล้วจะได้รับการยอมรับจากพ่อ/แม่/... โตมาเลยต้องการใต่เต้าเพื่อความมั่นคง
- 2: (ผู้ฟูมฟักดูแล/nurturer) เด็กๆจะประจบได้ด้วยเรื่องการเปิดประตู/หยิบน้ำ/ฯลฯ คนชมก็จะภูมิใจ โตขึ้นก็เลยติดการดูแล (กลายเป็นกิเลส)
- 4: (ปัจเจกชนผู้สร้างสรรค์/creative individualist) เรื่องเล็กๆที่ได้กบฎ/เสี่ยง เพื่อจะหาความตื่นเต้นในการได้เป็นตัวเอง เช่น แอบแต่งชุดผิดระเบียบ
- 6: (family loyalist) ตั้งแต่เด็กจะเป็น มีความเป็นมิตร จะได้ปลอดภัย
- 5: (castle defender) หลบหามุมเงียบแต่เด็กเพื่อให้พ้นจากความวุ่นวายในบ้าน โตขึ้นก็อยากมีพื้นที่ส่วนตัว
- 7: (the gourmand) หาของเล่นสนุกในการใช้ชีวิต กิน เล่น พูดคุย วางแผนกิจกรรม

ลักษณ์ย่อยความสัมพันธ์ใกล้ชิด: เราเรียนรู้ตอนเด็กเรื่องความอยู่รอด(ผดุงตน)แล้วก็พัฒนามาเรียนรู้เรื่องความสัมพันธ์กับครอบครัว
- 9: การหลอมรวม (seeker/union) - ปรับตัวเองโดยไม่รู้ตัว ให้เหมือนกับคนที่แวดล้อม/เป็นอันนึงอันเดียวกับเค้า จะได้ไม่ขัดกัน จะได้มีหลักยึด มีคุณค่า และจะได้เข้าใจคนๆนั้น โดยยอมเสียตัวเองไป
- 8: การครอบครอง/ยอมจำนน (possession/ surrender - benevolent dictatorผู้เผด็จการที่หวังดี) - ความรักทำให้รู้สึกอ่อนแอ เลยต้องทดสอบก่อนจนมั่นใจว่าเค้าเชื่อใจได้จึงจะยอมจำนน
- 1: ความหึงหวง/ร้อนแรง (jealousy/heat - evangelist/fundamentalist) - เข้มข้นรุนแรง/เชื่อและศรัทธาอย่างแรงมาก อยากจะให้เค้าและเราดีต่อกันแบบไม่มีที่ติ เป็นเรื่องของอุดมคติที่ต้องการความสมบูรณ์แบบ ทั้งในคู่ครอง ความสัมพันธ์และในตัวเอง
- 3: ความเป็นชายจริงหญิงแท้ (masculinity/ femininity - the movie star) - ทำบทบาทเพื่อให้ประทับใจอีกฝ่าย ดูมั่นใจ
- 2: ความดึงดูด ยั่วยวน/ก้าวร้าว (seduction/ aggression - the lover) - ตาเจ้าชู้ ดึงดูด เชิญชวน ทำได้ทุกวิถีทางเพื่อชนะใจคนที่ต้องการ ชอบของยาก/ท้าทาย
- 4: การแข่งขัน (competitiveness - the drama queen/king, prima donna) - มาจาก prototype ทางจิตวิทยา เรื่องการอิจฉาพี่น้อง sibling rivalry ทำให้รู้สึกแข่งขันรุนแรงเพื่อดึงความสนใจให้ตัวเองเป็นคนพิเศษ อ่อนไหวเข้มข้นจนอาจไปถึงขั้นเกลียดชังคู่แข่ง
- 6: ความแข็งแกร่ง/ความงาม (strength/beauty - warrior) - ความรักเป็นอันตรายและน่ากลัว ต้องมีดีในตัวเพื่อให้เป็นที่รักของเค้า จะได้มั่นใจขึ้นว่าจะไม่ถูกมองข้าม/ไม่ถูกทอดทิ้ง
- 5: การแบ่งปันความลับเฉพาะตน (confidentiality/ secret sharing - secret agent) - ความรักที่แข็งแรงคือมีเราสองคนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ แบ่งปันข้อมูลบางเรื่องกับคนพิเศษเฉพาะกลุ่ม
- 7: ความหลงไหล/การคล้อยตาม (fascination/ suggestibility - charmer/sales person) - เป็นจินตนาการ หลงไหลในภาพอุดมคติ แต่พอเห็นความเป็นจริงใกล้ๆก็ไม่ใช่แล้ว คล้ายๆสี่แต่คนละแบบ

กิจกรรม 1: repeating question
"คุณ......อย่างไร?" ใส่คำลักษณ์ย่อยสัมพันธ์ใกล้ชิดของลักษณ์เค้าลงไป

--------------- เที่ยง ------------

กิจกรรม 2: ทบทวนลักษณ์ย่อย 1-2-1 ว่าช่วยสนับสนุน / จำกัด เราอย่างไร โดยคิดเหตุการณ์ที่จับต้องใด้และเกิดขึ้นในเวลาที่ใกล้กับปัจจุบันมากที่สุด (เขียนในสมุด 5-6 นาที) แล้วแบ่งปันในกลุ่มย่อย

กิจกรรม 3: Panel ตามสามเหลี่ยม
1) 369
2) 258
3) 147

- 981 จะมีประเด็นเรื่อง all or none เยอะ คือถ้าให้ก็ให้หมดเลย ถ้าหมดก็ไม่เอาเลย ซึ่งต้องหาจุดสมดุลย์ที่จะไม่สุดโต่ง รู้จักผ่อนทีละหน่อย ให้ทีละนิดๆ
- บางทีคำใหญ่ๆ เช่น รักแบบที่เค้าเป็น เป็นตัวของตัวเอง ฯลฯ ทำให้เราไม่รู้จะเป็นได้ยังไง เป็นก้าวที่ใหญ่ -- สิ่งที่เราควรทำ คือ เดินทีละก้าวเล็กๆ สังเกตุตัวเอง อยู่กับความจริง เข้าไปค้นหามัน ณ จุดนั้น
- 2+5+8=6 เป็นเรื่องของอำนาจ
- 1+4+7=3 เป็นเรื่องของภาพอุดมคติ
- 3 พรหม (ผู้สร้าง)
- 9 นารายณ์ (จัดการ/maintain)
- 6 ศิวะ (ทำลาย)
- 4 one to one ไม่ได้ตกหลุมรักคนรัก แต่ตกหลุมรักความรัก ตกหลุมรักอุดมคติของความรักที่ไม่มีจริง
- จริงๆแล้วความรักไม่ต้องแบ่ง มันมีพอสำหรับทุกๆคน เค้าก็ให้เราในแบบนึง การที่เค้ารักคนอื่นเพิ่มขึ้นไม่ได้แปลว่าเค้ารักเราน้อยลง เค้าให้เราก้อนนึง และให้อีกคนอีกก้อนนึง ก้อนของใครของมัน ไม่ต้องแบ่งกัน และชีวิตมันก็เป็นของมันแบบนั้น แต่มันอาจจะไม่พอ เพราะมันไม่ตรงกับความคาดหวังของเรา (4)
- เราอาจไม่ต้องใช้ความคิดเพื่อหาคำตอบเกี่ยวกับความรัก แค่ถามตัวเองว่ามีความสุขมั๊ย และอยู่กับตรงนั้น แค่กับความรู้สึกของเรา โดยไม่ต้องไปพยายามคิดหาคำตอบกับมัน (7)



Credit : Priabpran

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น