- ลักษณ์ย่อยเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก และสังเกตุยาก แต่มีผลต่อการเติบโตมากที่สุด เพราะเป็นสัญชาตญาณที่ขับเคลื่อนชีวิตเรามาก และเป็นสิ่งที่เราแสดงอยู่ทุกวันแต่ไม่รู้ตัว
- การเรียงลำดับลักษณ์ย่อยตาม SP / Social / Sexual ตามความเข้มข้น/รุนแรงในการแสดงความเป็นลักษณ์ (ในความเป็นจิตแพทย์ 70% ของคนไข้มาหา จะคุยเรื่องความสัมพันธ์เป็นหลัก)
- การเรียง SP / Sexual / Social ตามประสบการณ์ชีวิตของมนุษย์ (ตัวเอง/สัมพันธ์/เข้ากลุ่ม)
- คำของนพลักษณ์อาจจะดูแรงและน่าเกลียด eg. กิเลส แสดงถึงแรงผลักดันของเรา
- วันที่ 1: กิเลส (ถ้าพื้นเรื่องกิเลสไม่แน่นจะเข้าใจลักษณ์ย่อยได้ยาก) วันที่ 2: SP, วันที่ 3: Social, วันสุดท้าย: Sexual
- วันที่ 1: panel ตามศูนย์, วันที่2-4: panel ตาม object relation (3 เหลี่ยม)
กิจกรรม1: ทบทวนชีวิตตัวเองตั้งแต่ก่อนรู้จักนพลักษณ์จนถึงปัจจุบัน และเขียน 1 เหตุการณ์ที่นพลักษณ์ช่วยเราใน 6 เดือนที่ผ่านมา (หรือสั้นกว่านั้น) ว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรในตัวเราบ้าง
อจ. บอกช่วงแรกที่เรียนจะรู้สึกแย่กับความเป็นลักษณ์ตัวเอง ต่อมาจะเคียวเข็นให้ตัวเองเป็นแบบที่ไม่ได้เป็น (เป็นเหมือนคนอื่น/เป็นตามบารมีของลักษณ์/etc) ในที่สุดจะกลับสู่การยอมรับความเป็นตัวเองแบบที่เป็น (แต่ไม่จมกับความเป็นลักษณ์)
เช่นของ อจ. กำลังจะเกษียณ ทีแรกบอกตัวเองว่าจะปฏิบัติธรรมมากขึ้น แต่ไปๆมาๆเจอทัวร์ 3 เดือนที่น่าสนใจมาก แล้วก็รู้สึกผิดว่าเราตะกละ แต่ก็บอกตัวเองได้ว่าเราก็รับตัวเองแบบที่เป็น ไม่ต้องรู้สึกผิด ไม่ต้องแอบไปไม่บอกใคร ตอนนี้ความรู้สึกอยากไม่รุนแรง ไม่ถึงกับว่าจะต้องไปให้ได้
---- เบรคเช้า ----
Enneagram เป็น typing system แบบ inside out ไม่ใช่ outside in ไม่ใช่การมองจากพฤติกรรมเหมือนไทป์อื่น
ไทป์ที่แรงที่สุดคือ 4/6/8
- 4 แรงจากอารมณ์ที่พุ่งมาจากข้างใน ไม่กลัวหน้าอินทร์หน้าพรหม เพราะอารมณ์ไม่มีเหตุผล ไม่อยู่กับความคิด ไม่มีทิศทาง ท่วมท้น
- 6 แรงได้เข้มข้นมากๆเพราะความกลัวเป็นแรงขับที่เข้มข้นที่สุด เวลาคนจนตรอกจะทำได้ทุกอย่าง ทั้งแรงทั้งคมทั้งเต็มไปด้วยแผน
- 8 แรงท้อง มาธรรมชาติ มาได้เรื่อยๆ 8 ระเบิดมีทิศทาง มีเป้าหมาย
กิเลสประจำลักษณ์
กิจกรรม 2: Repeating question
- ถามเพื่อนด้วยกิเลสของเค้า เช่น ถาม 4 "คุณ...อิจฉา...อย่างไร" (1โกรธ/ขุ่นใจ, 2หยิ่ง/ถือตัว, 3หลอกลวง, 4อิจฉา,5โลภ/ยึดติด, 6กลัว, 7ตะกละ, 8กำหนัด, 9เกียจคร้าน/เฉื่อยชา) คนตอบ: ตอบสั้นๆห้ามพูดยาว
กิเลส โยงกับ 3 ศูนย์
- ท้อง: เอาตัวรอดแบบตรงไปตรงมา เผชิญโลกตามหลักธรรมชาติ fight,flight,... /ความโกรธ/การหลงลืมตนเอง/สัญชาตญาณ/การกระทำ
- ใจ: เอาตัวรอดด้วยการปรับตัวให้เข้ากับคนอื่นเพื่อการดำรงอยู่ของตัวเอง ยึดติดกับ ideal (ภาพที่อยากเป็น) /ภาพลักษณ์/ความรู้สึก/ความสัมพันธ์/เปรียบเทียบ
- หัว: พัฒนาจนเป็นความคิดเป็นคอนเซปต์ เป็นจินตนาการ เป็นการคาดการณ์ไม่ใช่เรื่องจริง/ความกลัว/ความคิด/ข้อมูล/การวางแผน (5กลัวคนอื่นรุกล้ำ / 7กลัวตัวเอง กลัวเบื่อ กลัวความรู้สึกบางอย่างในตัวเองที่ไม่อยากเผชิญ / 6กลัวทุกอย่าง)
กิจกรรม 3: ให้แต่ละลักษณ์มาอธิบายกิเลสของลักษณ์ตัวเอง
- 9: เกียจคร้าน/เฉื่อยชา - กับเรื่องของตัวเอง ยอมปรับตัว ยอมหยวนๆ ด้วยความไม่อยากขัดแย้ง ไม่อยากเผชิญกับบางอย่าง หนีโดยการหลบ
- 8: กำหนัด - พลังชีวิตพื้นฐาน สัญชาตญาณในการเอาตัวรอด สัญชาตญาณดิบ การมีจุดอ่อนแปลว่าเราจะไม่รอด เราต้องควบคุมสถานการณ์แบบสุดๆ ถ้าจะรอดไม่มีคำว่าพอดี ทำให้เยอะ เน้นพลัง จะเอาให้ได้ จะเอาเดี๋ยวนี้ กลัวอ่อนแอ หนีความรู้สึก
- 1: ความโกรธ/ขุ่นใจ - โกรธโลก ที่ไม่ดีตามที่ควรจะเป็น โลกบิดเบี้ยว ไม่กลมแบบที่ 1 อยากให้เป็น
- 3: หลอกลวง - ภาพอุดมคติ:สำเร็จ -- ปรุงแต่งภาพลักษณ์ของตัวเองให้ดูดี/มีความสามารถ/ประสบความสำเร็จ/หรืออะไรก็ตามที่อยากเป็น เพื่อให้ได้รับการยอมรับและ หลอกตัวเองให้เขื่อว่าเราทำได้/ให้เชื่อว่าเราเป็นแบบนั้นจริงๆ
- 2: หยิ่ง/ถือตัว - ภาพอุดมคติ:คนดี คนน่ารัก -- ถือตัวว่าตัวเองดี/น่ารัก เลยเกิดความหยิ่ง/ถือตัว ยิ่งเป็น 2 ที่เห็นตัวเองน้อยๆยิ่งภูมิในในตัวเอง
- 4: อิจฉา - ภาพอุดมคติ:ความจริงแท้ (unique/ authentic) -- โฟกัสสิ่งที่ขาดหาย และโหยหา ลึกๆไม่ได้เปรียบเทียบกับคนอื่นแต่เปรียบเทียบกับอุดมคติ เลยไม่มีวันชนะ
- 6: กลัว - กลัวความคาดหวังและสงสัยในตัวเอง กลัวว่าตัวเองจะจัดการกับอนาคตไม่ได้ ไม่มั่นใจ/ไม่ศรัทธาในตัวเอง รับคำชมไม่ได้ จะมั่นใจในตัวเองก็ตอนที่หลังชนฝา/ไม่มีทางเลือกแล้ว(เลิกปรุงแต่ง/ธรรมะ)
- 5: โลภ/ยึดติด - รู้สึกขาดแคลน ขาดความมั่นใจ รู้สึกว่าตัวเองไม่รู้/ไม่มีเวลา/ไม่มีพลังงาน เลยกลัว และ รู้สึกต้องมีข้อมูลเพื่อความมั่นใจ เทียบได้กับเวลาเราจนๆจะให้เอื้อเฟื้อก็ลำบาก 5 ก็คล้ายๆกัน
- 7: ตะกละ - กลัวความเบื่อ กลัวข้อจำกัด กลัวพลาด อุดมคติ อยากหนีทุกข์ ตะกละประสบการณ์(ศูนย์หัว) เป็นความพร่อง(1/4/7)ที่เติมเท่าใหร่ก็ไม่เต็ม
กิจกรรม 4: นึกถึง ตัวเองที่ผ่านมา ว่ากิเลส (1) ช่วยเราอย่างไร และ (2) จำกัดเราอย่างไร // (3) กิเลสนี้เกิดขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์อะไรของชีวิตเรา เกิดมาจากไหน
- กิเลสไม่ใช่สิ่งน่าเกลียด เป็นสิ่งที่ช่วยเราและเป็นประโยชน์กับเรามาทั้งชีวิต
- นึก ต่างจาก คิด การคิดจะสร้างปัญหา แต่การนึกเป็นการทบทวนถึงอดีต
- ข้อ 1&2 เขียนในกระดาษ
- ข้อ 3 ปั้นดินน้ำมันระหว่างใคร่ครวญ (ตอบโจทย์โดยการคิดให้น้อย/ฝึกสติ)
- จับกลุ่ม 3 คน ตามลักษณ์ เล่าเรื่องจากดินน้ำมันของเรา (10นาที/คน) คนฟังถามสั้นๆได้ แต่ห้ามแนะนำ/ห้ามสรุป
สิ่งทึ่เกิดกับเราตอนเด็กมี impact มาก เพราะเรายังอ่อนแออยู่ จริงๆตอนนี้เราแข็งแรงแล้ว แต่เรายังเชื่อพี่เลี้ยง (ความเป็นลักษณ์) ที่หวังดี แต่โบราณ/ล้าสมัยแล้ว ซึ่ง over protect เรา สอนให้เราเชื่อแบบเดิมๆ และเห็นว่าเราเป็นเด็กเสมอ -- ลองกล้ามีชีวิตให้เต็มที่ และใช้ชีวิตได้จริงๆ อิสระจากเรื่องราวเดิมๆ เพื่อไม่ให้ลักษณ์ครอบเราไว้
Credit : Priabpran
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น